คลังเก็บหมวดหมู่: การดูแลสุขภาพหลังคลอด

การดูแลสุขภาพหลังคลอด

ข้อแนะนำสามีในการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่

S__38207874

??????????????? รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

? ? ? ? ? ?หลังการคลอด มารดาจะต้องเผชิญกับสิ่งต่างๆ ที่อาจเป็นสิ่งใหม่โดยเฉพาะในมารดาครรภ์แรก การปรับตัวกับความเหนื่อยล้า การเปลี่ยนแปลงของร่างกาย และการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ สิ่งเหล่านี้อาจสร้างความวิตกกังวลให้แก่มารดาได้ สามีผู้ซึ่งมีความใกล้ชิด เข้าใจ และรู้ใจมารดาจะมีส่วนช่วยให้มารดาผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ด้วยดีและน่าจดจำ โดยมีข้อแนะนำสำหรับสามี ดังนี้

? ? ? ? ?-เป็นส่วนหนึ่งของทีมเสมอ เพราะสามีซึ่งเป็นพ่อของลูกจะมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ตลอดเวลา

? ? ? ? -โอบกอดทารกเนื้อแนบเนื้อ แม้ว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นที่มารดาต้องทำ? แต่สำหรับพ่อของลูกการโอบกอดเนื้อแนบเนื้อช่วยให้ทารกหลับได้ดี สร้างสายสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูก ซึ่งมากกว่าการดูแลเปลี่ยนผ้าอ้อมเวลาทารกขับถ่ายเพียงอย่างเดียว ซึ่งพ่อที่สามารถให้การดูแลลูกได้ จะเกิดความภาคภูมิใจและมั่นใจที่จะช่วยมารดาในการให้ลูกกินนมแม่

? ? ? ? -ดูแลมารดาด้วยความอ่อนโยน ความอ่อนโยนและอบอุ่นที่มารดาได้รับจะส่งผลดีต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่

? ? ? ?-ควรลืมเกี่ยวกับงานอื่นๆ ไปก่อน สนใจ ใส่ใจกับแม่ ลูก และการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ให้มาก

? ? ? -ช่วยดูแลทารกระหว่างที่มารดางีบหลับ พักผ่อน หากมารดาเหนื่อยหรือเมื่อยล้า

? ? ? ? จะเห็นว่า บทบาทของสามีมีส่วนสำคัญอย่างมากที่จะช่วยมารดาให้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้อย่างอบอุ่น หากสามีถูกกันออกจากทีม หรือถูกบ่นด่าในการมีส่วนร่วม ความมีส่วนร่วมหรือทีมจะหายไป มีการศึกษาพบอาการซึมเศร้าที่พบในพ่อของลูกได้หลังคลอดร้อยละ 11 ดังนั้น มารดาควรหลีกเลี่ยงที่จะวิจารณ์ความช่วยเหลือของสามีในการช่วยดูแลลูก เห็นความสำคัญหรือความใส่ใจหรือความเอาใจใส่ซึ่งกันและกันเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม การพูดจาด้วยคำชมเชยหากพ่อปฏิบัติได้ดี และเสนอแนะบ้างในกรณีที่สามีต้องการคำแนะนำช่วยในการดูแลทารก จะทำให้ความราบรื่นในการต้อนรับสมาชิกคนใหม่เป็นไปได้ด้วยดี

เอกสารอ้างอิง

  1. Bunik M. Breastfeeding telephone triage and advice. 2nd?ed. The American Academy of Pediatrics 2016.

ปั๊มนมจากเต้าอย่างเดียวดีไหม

electric expression x1-l-small

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

? ? ? ? ? ? ? ปัจจุบัน การปั๊มนมและนำนมที่ปั๊มได้มาป้อนจากถ้วยหรือใส่ขวดมีมากขึ้น จึงเกิดคำถามว่า การปั๊มนมจากเต้าอย่างเดียวแล้วให้แก่ทารกได้หรือไม่ และดีไหม การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่โดยให้ทารกดูดนมจากเต้าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ทารกจะดูดนมจากเต้าได้เกลี้ยงกว่าและกระตุ้นการสร้างน้ำนมได้ดีกว่า นอกจากนี้ ขณะที่ทารกดูดนม มารดาได้โอบกอดทารกเนื้อแนบเนื้อ ตาสบตา และมารดาได้พูดคุยกับทารกจะกระตุ้นพัฒนาการของระบบประสาทการรับรู้ต่างๆ ของทารกได้ดีขึ้น การปั๊มนมหรือการบีบน้ำนมด้วยมือนั้นจำเป็นในกรณีที่ทารกไม่สามารถดูดนมจากเต้าได้ โดยอาจมีภาวะแทรกซ้อนจากการคลอดก่อนกำหนดหรือความเจ็บป่วยอื่นๆ นอกจากนี้ การปั๊มนมหรือการบีบน้ำนมด้วยมืออาจช่วยในกรณีที่มารดาจำเป็นต้องแยกจากทารกหรือกรณีที่มารดาต้องทำงานนอกบ้าน การปั๊มนมหรือการบีบน้ำนมด้วยมือเก็บไว้ให้ทารกระหว่างที่มารดาไม่อยู่ อย่างน้อยทารกก็ยังได้ประโยชน์จากการกินนมแม่ ดังนั้น การปั๊มนมหรือการบีบน้ำนมด้วยมือ หากใช้อย่างเหมาะสมก็จะเป็นเครื่องมือช่วยให้การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวหกเดือนแรกประสบความสำเร็จได้

เอกสารอ้างอิง

  1. Bunik M. Breastfeeding telephone triage and advice. 2nd?ed.The American Academy of Pediatrics 2016.

 

เต้านมคัดประคบร้อนหรือประคบเย็นดี

S__38207894

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

? ? ? ? ? ? ? ?เต้านมคัด โดยทั่วไปจะเกิดขึ้นในระยะแรกหลังคลอด ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนที่ลดลงในระยะหลังคลอด ทำให้มีเลือดและน้ำเหลืองมาคั่งบริเวณเต้านม ร่วมกับในระยะนี้น้ำนมจะยังไม่ไหลดี ทำให้เกิดอาการคัด เจ็บ เต้านมจะอุ่น ตึง และในมารดาบางคนอาจมีไข้ได้ แต่อาการไข้มักไม่สูงมาก และจะลดลงใน 24 ชั่วโมงเมื่ออาการตึงคัดลดลง ในการบรรเทาอาการตึงคัดเต้านม การประคบร้อนจะช่วยการกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนออกจากเต้านมได้ดี ทำให้ลดอาการตึงคัดได้ นอกจากนี้ยังทำให้การไหลของน้ำนมดีขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ลดอาการตึงคัดเต้านมได้อีกทางหนึ่ง การประคบร้อน อาจทำได้โดยใช้ผ้าชุบน้ำอุ่น หรือใช้ลูกประคบสมุนไพรวางประคบบริเวณเต้านมก็ได้ สำหรับการประคบเย็น หลักการคือการช่วยลดอาการปวดเต้านมและความเย็นจะทำให้เส้นเลือดที่มาเลี้ยงที่เต้านมหดตัว ทำให้อาการตึงคัดไม่เพิ่มขึ้น การประคบเย็นอาจทำโดยการใช้แผ่นเจลที่ใช้ลดไข้ หรือใบกะหล่ำปลีแช่เย็น เพื่อประคบเต้านม อย่างไรก็ตาม ในมารดาที่มีอาการปวด ตึง คัดเต้านมมาก การใช้ยาแก้ปวดและยาลดการอักเสบร่วมด้วย จะช่วยบรรเทาอาการให้มารดารู้สึกสบายตัวขึ้นได้

? ? ? ? ? ? ?สรุปว่า เต้านมคัด ทั้งการประคบร้อนและประคบเย็นสามารถช่วยบรรเทาอาการเต้านมคัดได้ โดยหากต้องการเน้นให้น้ำนมไหลได้ดีขึ้น ควรประคบร้อน แต่หากมารดาทรมานมากจากการปวดตึงคัด การประคบเย็นมารดาจะรู้สึกสบายตัวได้เร็วกว่า ดังนั้น หากเลือกใช้การประคบร้อนและเย็นให้เหมาะสมกับอาการที่เป็นปัญหาของมารดาในแต่ละคน จะทำให้มารดามีความสุขที่จะนมลูกโดยไม่ต้องทรมานจากอาการตึงคัดเต้านม

เอกสารอ้างอิง

  1. Bunik M. Breastfeeding telephone triage and advice. 2nd?ed. The American Academy of Pediatrics 2016.

มารดารู้สึกเศร้าก่อนให้ลูกกินนม เป็นอันตรายไหม

IMG_0726

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

? ? ? ? ? ? ?ในช่วงเวลาก่อนให้ลูกกินนมเล็กน้อย ร่างกายมารดาจะมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน และฮอร์โมนตัวหนึ่งที่สำคัญที่มีผลต่ออารมณ์ของมารดา ได้แก่ โดปามีน (dopamine) จะมีระดับที่ลดลง ทำให้มารดารู้สึกเศร้า หดหู่ กระวนกระวาย ร้องไห้ โกรธ ความรู้สึกขาดความช่วยเหลือ หรือขาดความหวังได้ อาการเหล่านี้จะเป็นอยู่เพียงแค่สองหรือสามนาทีแล้วหายไป อาการเหล่านี้ เกิดจากอารมณ์แปรปรวนก่อนการให้นม ในภาษาอังกฤษเรียกภาวะนี้ว่า Dysphoric Milk Ejection Reflux หรือ D-MER อาการนี้จะแตกต่างจากภาวะซึมเศร้าหลังคลอดที่มารดาจะมีอารมณ์หรืออาการซึมเศร้าต่อเนื่องเป็นเวลานานไม่เฉพาะช่วงก่อนการให้นม อาการของภาวะซึมเศร้าหลังคลอดจะหายไปได้เองภายในสองสัปดาห์ แต่หากอาการซึมเศร้าของมารดาเป็นนานกว่าสองสัปดาห์ อาการนี้อาจเกิดจากภาวะซึมเศร้ารุนแรง (major depression) ที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาและการดูแลเฉพาะจากจิตแพทย์

? ? ? ? ? ? ? สำหรับอาการแปรปรวนก่อนการให้นมนั้น หากมารดามีความรู้และเข้าใจถึงภาวะนี้ มารดาจะไม่วิตกกังวล การฝึกผ่อนคลาย หายใจเข้าออกลึกๆ ฟังดนตรีที่ชอบ หรือใช้กลิ่นบำบัด (aromatherapy) โดยอาจใช้เทียนหอมในกลิ่นลาเวนเดอร์ที่ช่วยให้มารดารู้สึกผ่อนคลายได้ อาการแปรปรวนก่อนการให้นมโดยทั่วไปจะดีขึ้นเองและหายเองเมื่อเวลาผ่านไปราว 2-3 เดือน ความเข้าใจและการเอาใจใส่ของครอบครัวสามารถช่วยลดปัญหาของภาวะนี้และภาวะซึมเศร้าหลังคลอดได้ด้วย

เอกสารอ้างอิง

  1. Bunik M. Breastfeeding telephone triage and advice. 2nd?ed. The American Academy of Pediatrics 2016.

ทารกให้ความสนใจสิ่งอื่นขณะกินนมผิดปกติหรือไม่

IMG_1035

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

? ?เมื่อทารกเติบโตและมีพัฒนาการมากขึ้น ความสนใจสิ่งรอบข้างจะสูงขึ้น โอกาสที่จะถูกดึงดูดจากเสียง แสง สี หรือการเคลื่อนไหวในระหว่างที่ทารกดูดนมอยู่ จะเพิ่มขึ้นด้วย ทารกอาจจะหยุดกินนมและสนใจในสิ่งเร้าที่มากระตุ้น ทำให้กินนมได้ในระยะสั้น หิวบ่อย หรือทำให้มารดาวิตกว่า ทารกอาจได้รับน้ำนมไม่เพียงพอจนทำให้น้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ได้ สิ่งเหล่านี้ มักพบในทารกที่มีอายุราว 4 เดือนขึ้นไป ข้อแนะนำสำหรับมารดา คือรู้และเข้าใจทารก หากมารดาต้องการให้ทารกดูดนมได้เต็มที่ ควรเลือกบรรยากาศของการให้นมในห้องที่สงบ ลดการรบกวนจากสิ่งรอบข้างหรือเสียงโทรศัพท์ โดยหลังจากให้นมเสร็จแล้วจึงให้ทารกได้มีกิจกรรมตามปกติที่จะส่งเสริมการเรียนรู้ของทารก อย่างไรก็ตาม หากว่าการที่ทารกให้ความสนใจกับสิ่งรอบข้างไม่ได้ทำให้เกิดผลเสียต่อทารกจนทำให้น้ำหนักผิดปกติหรือต่ำกว่าเกณฑ์ มารดาอาจเพียงรับรู้ เข้าใจพร้อมติดตามการเจริญเติบโตของทารกโดยไม่จำเป็นต้องมีความวิตกกังวลใดๆ เลย

เอกสารอ้างอิง
1. Bunik M. Breastfeeding telephone triage and advice. 2nd ed. The American Academy of Pediatrics 2016.